หนึ่งในคำถามที่เจ้าของร้านและเจ้าของโครงการมักถามสถาปนิกคือ
“จะเลือกวัสดุยังไงให้งานดูดี แต่ไม่เกินงบ?”
คำตอบคือ — การเลือกวัสดุที่เหมาะสม ไม่ใช่การเลือกสิ่งที่แพงที่สุด
แต่คือ “การออกแบบให้คุ้มค่ากับวัตถุประสงค์ของพื้นที่นั้น ๆ”
ทีมออกแบบของ afurlab ขอแบ่งแนวคิดและเทคนิคสำคัญไว้ดังนี้
เริ่มจากงบประมาณที่ชัดเจน
ก่อนเริ่มออกแบบ ควรกำหนดงบประมาณรวมของโครงการ
เช่น ร้านกาแฟขนาด 40 ตารางเมตร งบตกแต่งประมาณ 500,000 บาท
จากนั้นแบ่งสัดส่วน เช่น
- โครงสร้าง / พื้น / ฝ้า: 40%
- เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง: 35%
- ระบบไฟ / แสง / ป้าย: 25%
เมื่องบชัด การเลือกวัสดุจะง่ายและมีทิศทางมากขึ้น

เลือกวัสดุตามฟังก์ชันของพื้นที่
พื้นที่ใช้งานต่างกัน ต้องการคุณสมบัติของวัสดุที่ต่างกัน
- พื้นร้านอาหาร → ควรใช้กระเบื้องหรือไวนิลกันน้ำ
- เคาน์เตอร์ → ใช้ลามิเนต, หินเทียม หรือ HPL ทนรอยขีดข่วน
- ผนังโชว์สินค้า → ใช้วัสดุที่เปลี่ยน Display ได้ง่าย เช่น MDF, เหล็กพ่นสี, แผ่นไม้ลามิเนต
การเลือกวัสดุให้ตรงฟังก์ชัน ช่วยลดการซ่อมบำรุงและค่าใช้จ่ายระยะยาว
ผสมวัสดุราคาประหยัดกับวัสดุเด่น
เคล็ดลับของนักออกแบบคือ “เลือกจุดที่ลงทุน”
เช่น ใช้กระเบื้องพื้นราคาปานกลาง แต่เพิ่มงบในเคาน์เตอร์หลักหรือผนัง Feature Wall
การผสมวัสดุให้สมดุล จะทำให้ร้านดูแพงโดยไม่บานปลายงบ
ใช้วัสดุทดแทนที่มีคุณภาพ
ทุกวันนี้มีวัสดุทดแทนที่สวยและทนเทียบเท่าของจริง เช่น
- ไม้เทียมลายธรรมชาติแทนไม้จริง
- หินพิมพ์ลายแทนหินอ่อน
- อะคริลิกใสแทนกระจก
วัสดุเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนและน้ำหนักโครงสร้างโดยไม่เสียความสวยงาม
ปรึกษาสถาปนิกหรือผู้ออกแบบ

การเลือกวัสดุไม่ใช่แค่เรื่อง “ราคา” แต่ยังเกี่ยวกับ “ระบบงาน”
เช่น การติดตั้ง, ความเข้ากันได้ของพื้นและผนัง, หรือการซ่อมบำรุงภายหลัง
การมีทีมออกแบบที่เข้าใจวัสดุ จะช่วยให้คุณใช้เงินทุกบาทได้คุ้มค่าที่สุด
ความคิดเห็น by afurlab
การเลือกวัสดุให้เหมาะกับงบประมาณคือ “ศิลปะของการจัดสมดุล”
ระหว่าง ความสวยงาม ความทนทาน และต้นทุน
ไม่ว่าคุณจะเปิดร้าน คาเฟ่ หรือออฟฟิศใหม่
afurlab พร้อมช่วยวางแผนวัสดุและดีไซน์ให้เหมาะกับงบของคุณ
เพื่อให้ทุกโครงการ “สวยครบ ใช้งานได้จริง และจ่ายเท่าที่จำเป็น”
